ข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24
"บ้านลลิณ" คาเฟ่อาหารไทยสไตล์ Comfort Food ที่มีความอร่อยระดับติดดาวด้วยฝีมือสองสาวจาก MasterChef Thailand พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้แก่ทุกท่านด้วยสารพัดเมนูอาหารไทยทานง่าย ท่ามกลางบ้านไม้เก่าแก่สุดคลาสสิกและวิถีชีวิตชีวิตของคนในชุมชนย่านพระนครบ้านลลิณ เกิดจากไอเดียของ คุณพลอย-ณัฐณิชา บุญเลิศ และ คุณน้ำฝน-ลักษณาวดี ศรีพรสวรรค์ สองสาวเพื่อนรักจากรายการ MasterChef Thailand ตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ด้วยกัน โดยนำเอาความถนัดด้านอาหารที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยทานง่ายสไตล์น้ำฝน หรือขนมหวานและเครื่องดื่มแบบไทยประยุกต์สไตล์พลอยบ้านลลิณเป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนตรอกศิลป์-ตรอกตึกดิน ย่านพะรนคร รอบๆ ตัวบ้านเป็นสนามหญ้าสุดร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชผักสวนครัวที่ทางร้านลงมือปลูกเอง และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารโดยดอกไม้ที่นำมาตกแต่งนั้นสามารถทานได้ทั้งหมดตัวบ้านลลิณมีทั้งหมด 2 ชั้น บริเวณชั้้นล่าง มีโซนเคาน์เตอร์บาร์ให้นั่งทานอาหาร รายล้อมไปด้วยของตกแต่งร้านแนวย้อนยุค ทั้งของเล่นและเครื่องดื่มยอดฮิตในอดีต ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในวัยเด็กตามมาด้วยบรรยากาศสบายๆ บริเวณชั้น 2 ของบ้านไม้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้แนววินเทจที่ถอดแบบความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนออกมาได้อย่างดีนอกจากเมนูอาหารไทยต่างๆ แล้วทางร้านยังเปิดให้ทานอาหารไทยในรูปแบบ "โอมากาเสะไทย" อีกด้วย โดยเปิดให้จองเฉพาะรอบวันเสาร์-อาทิตย์ ทุกสิ้นเดือน มีจำนวน 10 เมนู ราคาท่านละ 2,500 บาทเริ่มทานกันด้วยเมนู "ปลาแห้งแตงโม (69 บาท)" ของว่างโบราณที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของหวาน เมนูนี้จะเอาปลาย่างไปคั่วจนแห้งกรอบ แล้วปรุงรสด้วยสูตรของทางร้าน ยิ่งอากาศร้อนๆ สั่งมาทานจะรู้สึกสดชื่นมากๆสาย Vegan จะต้องชอบจานนี้ "ปอเปี๊ยะเห็ดหอมทอด (69 บาท)" ไส้ปอเปี๊ยะคุณยายของคุณพลอยเป็นคนลงมือผัดไส้เอง ตามสูตรของคุณยาย ไส้ปอเปี๊ยะจะมีทั้งเห็ดหอม วุ้นเส้น และผักต่างๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่ และผักสด"ก๋วยเตี๋ยวผัดไข่เค็มกุ้ง (129 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นเมนูกึ่งๆ ผัดผงกะหรี่และผัดไข่เค็ม จุดเด่นอยู่ที่ผัดจานต่อจานด้วยไฟแรงจนแห้ง ทำให้มีกลิ่นหอมของกระทะ ใส่หอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และโรยด้วยกระเทียมเจียว ให้รสชาติเข้มข้น หอมมันจากไข่เค็มแดง มีกลิ่นผงกระหรี่แซมด้วยนิดๆ"ข้าวคอหมูย่าง ไข่ต้มผักสด (99 บาท)" จานนี้ทีเด็ดอยู่ที่คอหมูย่าง ที่จะนำหมูไปหมักก่อนและนำเข้าเครื่องซูวีนานถึง 6 ชม. เสร็จแล้วจึงนำมาย่าง เนื้อหมูที่ได้จึงนุ่ม ฉ่ำ และนิ่มมาก ทานคู่กับไข่ต้มยางมะตูมและผักสด เสิร์ฟพร้อมแจ่วมะขามเปียกสูตรของทางร้านส่วนเมนูขนมหวานเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นเบเกอรี่และวัตถุดิบของไทยมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่น นำวัตถุดิบหลักของขนมไทยบางชนิดมาเป็นส่วนผสมของเบเกอรี่ เริ่มด้วยเมนู "สโคนงาดำ น้ำตาลโตนด (69 บาท)" เป็นสโคนที่ใส่ผงงาดำคั่วลงไป ตรงกลางมีน้ำตาลโตนดเยิ้มๆ สูตรของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับซอสกะทิควันเทียน รสชาติหอม มัน และเครื่องดื่มสไตล์ไทยประยุกต์ "น้ำผึ้งส้มจี๊ด (69 บาท)" ส้มที่ใช้มาจากสวนของบ้านน้ำฝนและพลอย ปลอดภัยเรื่องสารพิษ เป็นออร์แกนิค 100% ใส่ส้มเป็นลูกๆ คั้นสดๆ พร้อมน้ำผึ้ง ดื่มแล้วสดชื่น ชุ่มคอ"เค้กแตงไทยน้ำกะทิ (79 บาท)" ตัวนี้คุณพลอยได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูขนมไทยอย่างแตงไทยน้ำกะทิ ตัวเค้กจะเป็นเนื้อบัตเตอร์ผสมกับเนื้อแตงไทยเป็นชิ้นๆ ราดด้วยซอสกะทิควันเทียนและเครื่องดื่ม "บ๊วยแตงโมโซดา (69 บาท)" ใช้บ๊วยดอง ใส่ไซรัปแตงโม และโซดา รสชาติหวาน หอม เค็มนิดๆ ใส่น้ำมะนาวลงไปเพิ่มความสดชื่น ชุ่มคอใครที่อยากทานอาหารไทยในสไตล์คาเฟ่อบอุ่น ก็มากันได้ที่ร้าน "บ้านลลิณ" ตั้งอยู่ที่ ชุมชนตรอกตึกดิน-ตรอกศิลป์ ถนนดินสอ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1333-5998
เปรี้ยวปากจะพาทุกคนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและความหลากหลายทางธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีกันที่ "เมืองอะคิตะ" ภูมิภาคโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู และถือว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามแห่งโทโฮคุ การเดินทางมาจังหวัดอะคิตะ จากโตเกียวและเซนได นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายอะคิตะ(Akita Shinkansen) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเมื่อมาถึงจังหวัดอะคิตะเช็คลิสต์แรกที่ต้องมาเลยก็คือ "หมู่บ้านซามูไร (Kakunodate)" หมู่บ้านเก่าแก่อายุเกือบ 400 ปี ที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนของเหล่าซามูไรในอดีตเอาไว้ และได้รับฉายาว่าเป็น "Little Kyoto"ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี หมู่บ้านซามูไร (Kakunodate) ถือเป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมที่สุดในโทโฮคุหากใครสนใจนั่งรถลากชมหมู่บ้านซามูไรก็มีบริการอีกด้วย ค่าบริการรถลากเที่ยวชมหมู่บ้าน 15 นาที 3,000 เยน / 30 นาที 5,000 เยน / 60 นาที 9,000 เยน หรือสนใจเช่าชุดกิโมโนเดินเล่นรอบหมู่บ้านก็ ราคาคนละ 4,400 เยน สามารถเดินเล่นได้ทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น."เรือนหลังใหญ่ของตระกูลอาโอยากิ(Aoyagi Samurai Manor Museum)" เป็นหนึ่งในหกบ้านซามูไรที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งเรือนของตระกูลอาโอยากิหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1860ตระกูลอาโอยากิมีบทบาทสำคัญทางด้านการทหารของเมืองคาคุโนดาเตะมากจนเจ้าเมืองอนุญาตให้ตระกูลนี้สร้างซุ้มประตูเพื่อเป็นรางวัลแสดงถึงความสามารถของตระกูลเรือนหลังใหญ่ของตระกูลอาโอยากิถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวิถีชีวิตของชาวซามูไรในยุครุ่งเรืองผ่านข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า เสื้อเกราะซามูไร อาวุธต่างๆ ภายนบ้านจะแบ่งออกเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ร้านขายของ ห้องจิบชา และสวนสวยๆ เดินเที่ยวกันจนเหนื่องต้องแวะมาหาอะไรทานกันสักหน่อยมาถึงอะคิตะทั้งทีต้องลองมาทานอุด้งที่ร้าน "Inaniwa Koraido Aoyanagike" เป็นร้านที่ติด 1 ใน 3 ของเส้นอุด้ง ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งร้านนี้ก็อยู่ในบ้านอาโอยากินั่นเองInaniwa Tempura Udon Noodle อุด้งร้อนInaniwa Tempura Udon Noodle อูด้งแบบเย็น ซึ่งตัวเส้นอูด้งจะมีสีชมพูนิดๆ เพราะผสมผงซากุระลงไปด้วยเส้นอุด้งของที่นี่จะมีลักษณะแบนและเล็กกว่าปกติแต่มีความหนึบซึ่งเป็นเส้นอุด้งสไตล์อะคิตะไฮไลท์ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของจังหวัดอะคิตะที่ต้องห้ามพลาดเลยก็คือ การนั่งรถไฟท่องเที่ยวชมวิวธรรมชาติสองข้างทาง เริ่มจากสถานีคะคุโนะดาเตะโดยนั่งรถไฟสายอะคิตะ นาอิริกุ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เต็มบนรถไฟที่จะได้เห็นความสวยงามของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาขึ้นกระเช้ากันต่อที่ "ภูเขาโมริโยชิ (Mt. Moriyoshi)" ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในจังหวัดอะคิตะ ซึ่งสามารถเห็นความสสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบ 360 องศา ในระดับความสูงจากพื้นดิน 1,454 เมตร นั่งชมวิวในกระเช้าแบบเพลินๆ ยาวไปถึง 20 นาทีเลย ค่าขึ้นกระเช้าเพียงคนละ 1,800 เยน ก็ได้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่กับวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่มองเห็นทั่วภูเขาสามารถชมความสวยงามของยอดเขาโมริโยชิได้ 2 ฤดู คือ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ ฤดูหนาว ที่นี่จะกลายเป็นลานสกีและชมความงามของ Snow Monsterมาถึงอะคิตะต้องอย่าลืมไปทักทายเจ้าถิ่นอย่าง "สุนัขพันธุ์อะคิตะ" ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เรียกว่าเป็นพระเอกกันเลยทีเดียว ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนก็ต้องแวะถ่ายรูปกับความน่ารักของเจ้าสุนัขพันธุ์อะคิตะอีกหนึ่งแลนด์มาร์คห้ามพลาดของอะคิตะคือ "ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa)" ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่ยังมีกิจกรรมพายเรือคายัคให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ชมความงามรอบๆ ทะเลสาบ ช่วงเวลาที่เหมาะกับการพายเรือคายัค คือช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ทะเลสาบทาซาวะมีความลึกถึง 432.4 เมตร จึงเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น และด้วยความลึกนี้ทำให้ฤดูหนาวทะเลสาบจึงไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง นอกจากนี้มีเรื่องเล่าขานกันว่าใครที่ได้มาดื่มน้ำในทะเลสาบ 3 อึก จะมีความงามที่เป็นอมตะ แต่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ "ทัตสึโกะ" ดื่มไปมากกว่า 3 อึก เทพเจ้าแห่งทะเลสาบโกรธมาก สาปให้เธอกลายเป็นมังกรเฝ้าทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งตำนานนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ "ยาสึตาเกะ ฟูนาโคชิ" หล่อรูปปั้นของหญิงสาวขึ้นมา กลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ ในบริเวณนี้มีศาลเจ้าที่ยื่นออกไปในทะเลสาบให้มาขอพรกันอีกด้วย นั่นก็คือ "ศาลเจ้าอุคิกิ (Ukiki Shrine)" ศาลเจ้านิกายชินโตซึ่งคนนิยมมาขอพรเรื่องความสวยความงามกัน
ท่าอรุณ ร้านอาหารไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา
"ร้านท่าอรุณ" เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา และพระปรางค์วัดอรุณฯ งดงามเหนือคำบรรยาย พร้อมกับเมนูอาหารไทยแท้แบบโบราณ รสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับไทย ภายในร้านตกแต่งสไตล์ย้อนยุคตามคอนเซ็ปต์ 'เห่อฝรั่ง' คือภายในร้านจะเล่าเรื่องราวในช่วงสมัยก่อนที่คนไทยจะเริ่มปรับตัวรับกับวัฒนธรรมแบบฝรั่งผ่านการตกแต่ง ทั้งแชนเดอเรีย เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องแก้วเจียระไนแบบโบราณ"ยำส้มโอ (275 บาท)" เมนูโบราณที่เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ นำมาคลุกแบบโบราณด้วยน้ำยำมะขามเปียกที่เคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าว"กะปิคั่ว (240 บาท)" ในบรรดาเครื่องจิ้มของไทย กะปิคั่วเป็นอีกหนึ่งสำรับที่หาทานได้ยาก ทางร้านใช้กะปิอย่างดี กะทิ หอมแดง และตะไคร้ นำมาปรุงด้วยสูตรของร้านท่าอรุณ ทานคู่กับผักสดเป็นเครื่องเคียง"แกงปูใบชะพลู (480 บาท)" หรือน้ำยาปู เมนูนี้คล้ายกับน้ำยาของภาคกลางที่กินกับขนมจีน ทางร้านคัดเนื้อปูพิเศษมาจากภาคใต้ เนื้อแน่น คุณภาพดี ส่วนพริกแกงรสเข้มข้นนั้นทางร้านตำเอง เป็นสูตรปักษ์ใต้ ใส่ขมิ้น เข้มข้นตามแบบต้นตำรับไทย"แกงมัสมั่นเนื้อแกะ (420 บาท)" ทางร้านใช้เนื้อแกะนำเข้าจากออสเตรเลีย ตัวแกงมีรสชาติกลมกล่อม หอมพริกแกงสูตรต้นตำรับจากทางร้าน เนื้อแกะนุ่มละมุนลิ้น รสชาติหวานมันกลมกล่อมปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง "ลูกลานลอยแก้ว (120 บาท)""ร้านท่าอรุณ" อยู่ถนนมหาราช ซอยเพ็ญเพัฒน์ 1 วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. และ 16.00-21.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.06-3170-4055
Highlight
แจ่วน้ำผึ้งมะขามและน้ำจิ้มซีฟู้ด
มีเมนูซีฟู้ดของย่างทั้งทีก็ต้องเอามาทานคู่กับน้ำจิ้มแซ่บๆ วันนี้เปรี้ยวปากแจกให้เลย 2 สูตรน้ำจิ้มเด็ด "แจ่วน้ำผึ้งมะขาม" และ "น้ำจิ้มซีฟู้ดน้ำผึ้ง"
24 ส.ค. 2563
ใครอยากทำเค้กอร่อยๆ ไว้ทานที่บ้านแบบไม่ต้องง้อเตาอบต้องลองทำเค้กไมโครเวฟแบบง่ายๆ เพียงแค่ใส่ส่วนผสมลงในถ้วยแล้วเอาเข้าไมโครเวฟรอจนสุกก็ฟินได้แล้ว กับเมนู "HoneyMugCake"
10 ส.ค. 2563
แจกสูตรเมนูขนมยอดฮิต #แซนด์วิชครีมสด ครีมสดแน่นๆ หวานมัน พร้อมด้วยผลไม้
20 ก.ค. 2563
วันนี้ขอเอาใจสายหวานที่ชอบทำและทานขนมกันสักหน่อยกับเมนู "Basque Honey Cheesecake"
13 ก.ค. 2563
ช่วงนี้หลายคนอินกับซีรี่ย์เกาหลีซะขนาดนี้ เปรี้ยวปากก็ไม่ขอตกเทรนด์มาแจกสูตร "Soy Garlic Honey ไก่ทอดเกาหลี" ไว้ให้สาวๆ แสดงฝีมือให้โอปป้าทาน
29 มิ.ย. 2563
"หมี่กรอบชาววัง" อาหารไทยโบราณ รสชาติเปรี้ยว หวาน กลมกล่อม รับรองว่าใครได้เห็นต้องอดใจไม่ไหวแน่นอน
15 มิ.ย. 2563
Follow us on INSTAGRAM
อัพเดทเรื่องกินเรื่องเที่ยวกับเรา